5 อันดับ สว่านไฟฟ้า ที่คุณไม่ควรพลาด อัพเดทล่าสุดปี 2567

ความแรงของสว่านไฟฟ้าขึ้นอยู่กับประเภทของตัวมันเอง หากคุณเลือกใช้สว่านไฟฟ้าได้ไม่เหมาะสมตามประเภทการใช้งาน อาจส่งผลให้อุปกรณ์ชำรุดไวขึ้น ดังนั้น เราจึงรวบรวมวิธีการเลือกสว่านไฟฟ้ามาให้คุณได้ทำความเข้าใจกันมากขึ้นครับ

สิ่งสำคัญอันดับแรก คือ การเลือกสว่านไฟฟ้าให้เหมาะสมกับจุดประสงค์ในการใช้งาน ซึ่งมีอยู่ด้วยกันหลัก ๆ 3 ประเภทให้ตรวจสอบครับ

สว่านไฟฟ้าประเภทนี้มีความกะทัดรัดและน้ำหนักเบา ส่งผลให้คนที่เป็นมือใหม่หรือผู้หญิงก็สามารถใช้งานได้อย่างง่ายดาย แม้ว่ากำลังไฟฟ้าอาจจะไม่มากเท่าไร แต่ก็เพียงพอสำหรับงานเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น การประกอบเฟอร์นิเจอร์ เป็นต้น นอกจากนี้ราคายังอยู่ในขั้นสมเหตุสมผล จึงเป็นมิตรต่อผู้ที่กำลังเริ่มต้นการสร้างสรรค์งานแนว "DIY" อีกด้วยครับ

สว่านรุ่นทั่วไปนี้เป็นสว่านไฟฟ้าที่ใช้กันอย่างแพร่หลายมากที่สุด เพราะคุณสามารถเลือกใช้งานได้หลากหลายตามความต้องการ ด้วยฟังก์ชันที่สามารถปรับเปลี่ยนส่วนหัว หรือ “ดอกสว่าน” ได้ จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับสาย DIY หรือจะใช้สำหรับงานเบา ๆ เพื่อที่จะไม่ต้องออกแรงมากก็ได้

อย่างไรก็ตาม คุณควรระมัดระวังในการใช้งานสว่านชนิดนี้กับงานจากวัสดุไม้ เพราะตัวสว่านมีกำลังไฟฟ้าที่น้อยและไม่ทรงพลังมากพอ หากคุณทำการฝืนใช้งาน อาจทำให้ตัวสว่านเกิดความเสียหายและทำให้อายุการใช้งานของสว่านไฟฟ้าชนิดนี้สั้นลงกว่าที่ควรจะเป็นได้ครับ

"สว่านกระแทก ( Impact Driver)" เป็นสว่านไฟฟ้าที่มีกำลังไฟสูง ช่วยให้การเจาะรูหรือการขันสกรูเป็นเรื่องง่าย สามารถใช้ได้บนหลายพื้นผิว เช่น กำแพง หรือไม้ขนาดใหญ่ โดยใช้ดอกสว่านหรือหัวไขควงที่มีความยาวในการทะลุทะลวงพื้นผิวอย่างมีประสิทธิภาพ ชนิดที่ผู้ใช้งานไม่ต้องออกแรงมากเท่ากับการใช้รุ่นทั่วไป ทำให้สว่านไฟฟ้าชนิดนี้เหมาะสำหรับการใช้งานหนัก เช่น งานช่างไม้ งานปรับปรุงอาคารและสถานที่ การเจาะกำแพง หรือฝังสกรู เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม ด้วยกำลังไฟที่มีมากของสว่านไฟฟ้าชนิดนี้ ทำให้คุณต้องระวังในเรื่องของการใช้งานให้มากขึ้น เพราะไม่เช่นนั้นคุณอาจจะเผลอทำให้พื้นผิวบริเวณหน้างานเสียหายโดยไม่ตั้งใจได้นั่นเองครับ

สว่านไฟฟ้ามีรูปแบบของแหล่งจ่ายพลังงานอยู่ 2 ประเภทหลัก คือ "ประเภทมีสาย (AC Power)" ที่ต้องอาศัยการ เสียบปลั๊กไฟ ในการใช้งานตลอดเวลา และ "ประเภทไร้สาย (Cordless)" ที่ต้องใช้ แบตเตอรี่ภายนอก เป็นแหล่งจ่ายพลังงาน ซึ่งสว่านไฟฟ้าประเภทที่ต้องเสียบปลั๊กไฟในการใช้งานนั้นเหมาะสำหรับการใช้งานเป็นระยะเวลานาน ๆ เพื่อที่จะได้ไม่ต้องกลัวว่าแบตเตอรี่จะหมดระหว่างการทำงาน นอกจากนี้ ยังมีหลายรุ่นที่มีราคาย่อมเยากว่าสว่านไฟฟ้าประเภทไร้สาย และยังไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่ให้เสียเวลาอีกด้วย แต่ในขณะเดียวกัน สว่านไฟฟ้าประเภทมีสายก็ไม่เหมาะสำหรับใช้งานกลางแจ้ง หรือบริเวณที่ไม่สามารถใช้งานปลั๊กไฟได้นั่นเอง

ส่วนสว่านไฟฟ้าประเภทไร้สายนั้นสามารถใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพสำหรับงานกลางแจ้ง เพราะไม่มีสายยาวระเกะระกะ ผู้ใช้งานจึงเคลื่อนไหวได้อย่างสะดวกมากกว่า อย่างไรก็ตาม คุณควรคำนึงถึงระยะเวลาการใช้งานให้ดี เพราะหากชาร์จพลังงานไม่เพียงพอ แต่ต้องใช้งานเป็นระยะเวลานาน อาจส่งผลให้การทำงานเกิดชะงักได้ เราจึงขอแนะนำให้เลือกสว่านไฟฟ้าประเภทไร้สายที่สามารถใช้งานได้ยาวนาน 3 - 4 ชั่วโมง ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง หรือพกแบตเตอรี่สำรองไปเอง เผื่อจำเป็นต้องใช้ระยะเวลาในการทำงานที่นานกว่าที่คาดคิดครับ

พลังงานของสว่านไฟฟ้าขึ้นอยู่กับประเภทของแบตเตอรี่ที่ใช้ ซึ่งแต่ละรุ่นก็มักจะแตกต่างกันตรงที่ขนาดของตัวแบต เช่น แบตเตอรี่ขนาดเล็กรุ่นกำลังไฟ 3.6 โวลต์ หรือรุ่นที่มีกำลังไฟมากกว่า 14 โวลต์ สำหรับการใช้งานกับสว่านกระแทก เป็นต้น ซึ่งเป็นที่แน่ชัดว่ายิ่งตัวแบตมีกำลังไฟมากเท่าไร ราคาก็ยิ่งสูงมากขึ้นตามไปด้วย

ดังนั้น คุณจึงควรเลือกตัวแบตเตอรี่ให้เหมาะสมกับการใช้งานแต่ละรูปแบบ โดยไม่ลืมคำนึงถึงความสมเหตุสมผลด้านราคาด้วย ยกตัวอย่างเช่น การเลือกแบตเตอรี่เพื่อใช้งานสว่านไฟฟ้าแบบงานเบา ๆ อย่างการประกอบเฟอร์นิเจอร์หรืองานประเภท DIY การเลือกใช้แบตเตอรี่ขนาดกำลังไฟ 10.8 โวลต์ ก็ถือว่าเพียงพอแล้วครับ

รูปร่างและขนาดของสว่านไฟฟ้าที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับขนาดของมือและวิธีการจับของคุณด้วย เพราะถ้าหากคุณเลือกสว่านไฟฟ้าที่จับได้ถนัดมือมากกว่า ก็จะช่วยให้คุณไม่รู้สึกปวดเมื่อยระหว่างการใช้งาน เราจึงขอแนะนำให้คุณไปเลือกรุ่นที่จับแล้วรู้สึกถนัดมือจากสถานที่จัดจำหน่ายโดยตรง เพื่อให้คุณสามารถค้นพบสว่านไฟฟ้าที่เหมาะกับคุณได้อย่างง่ายดายกว่าครับ

นอกจากนี้ การไปเลือกซื้อจากสถานที่จัดจำหน่ายโดยตรง จะช่วยให้คุณตรวจสอบดูได้ว่าปุ่มต่าง ๆ ที่อยู่บนตัวสว่านมีความเหมาะสมมากแค่ไหน สามารถใช้งานได้เหมาะมือหรือไม่ ช่วยให้คุณสามารถวางแผนการใช้งานได้ดียิ่งขึ้นครับ

สว่านไฟฟ้าหลายรุ่นมักมาพร้อมกับชุดส่วนเสริมของดอกสว่านและหัวไขควง เพื่อให้คุณเลือกปรับเปลี่ยนได้ในการใช้งานจริง แต่อย่าลืมตรวจสอบดูด้วยว่าชุดส่วนเสริมของคุณประกอบไปด้วยดอกสว่านและหัวไขควงเหล่านี้หรือไม่

"ดอกไขควง" เป็นอุปกรณ์เสริมสำหรับการขันน๊อตหรือสกรูที่ผู้ใช้สว่านไฟฟ้าจะขาดไม่ได้เลย ซึ่งลักษณะของหัวดอกไขควงส่วนใหญ่จะมีลักษณะเป็นหัวแบน หรือไม่ก็หัวแฉก ยิ่งมีหลากขนาดมากเท่าไร ก็ยิ่งสามารถใช้งานได้หลากหลายมากขึ้นเท่านั้น คุณจึงควรมีดอกไขควงหลาย ๆ ขนาดเผื่อเอาไว้สำหรับใช้งานในกรณีฉุกเฉินครับ

สำหรับการเจาะรู เช่น ผนัง หรือพืนผิวต่าง ๆ นั้น เราจะใช้อุปกรณ์เสริมที่เรียกว่า "ดอกสว่าน" โดยดอกสว่านแต่ละขนาด แต่ละชนิด จะถูกใช้งานแตกต่างกันออกไปตามลักษณะของพื้นผิวและขนาดของรูที่ต้องการเจาะ ดังนั้น คุณจึงควรเลือกดอกสว่านให้เหมาะสมกับการใช้งานของคุณครับ

หากคุณมีดอกสว่านเสริมอย่าง "หัวขัดกระดาษทราย" แล้วล่ะก็ คุณสามารถใช้เพื่อขัดผิวของงานไม้ให้เรียบเนียนได้อย่างง่าย ๆ โดยไม่ต้องเสียเวลาขัดเองด้วยกระดาษทราย นี่จึงเป็นอีกส่วนเสริมหนึ่งที่คุณควรตรวจสอบว่ามีอยู่ในชุดส่วนเสริมดอกสว่านหรือไม่ เพราะจะเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยให้คุณทำงานได้อย่างสะดวกสบายมากยิ่งขึ้นอย่างแท้จริง

หลังจากที่ได้ทราบวิธีการเลือกสว่านไฟฟ้าไปแล้ว เรามาดูกันเลยครับว่า 10 อันดับสว่านไฟฟ้า ที่เรานำมาจัดอันดับนั้น จะมียี่ห้อไหนที่เหมาะสมกับการใช้งานของคุณบ้าง !

เป็นอย่างไรกันบ้างครับ สำหรับวิธีการเลือกสว่านไฟฟ้าและการแนะนำ 10 อันดับ สว่านไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพ ได้รับความนิยมในประเทศไทย พร้อมการรับประกันคุณภาพด้วยเสียงตอบรับจากผู้ใช้งานจริง ซึ่งทีมงานได้ตั้งใจเป็นอย่างดีในการรวบรวมข้อมูล เพื่อให้คุณสามารถเลือกซื้อสว่านไฟฟ้าที่เหมาะสมสำหรับคุณได้มากที่สุด

หากเป็นงานเล็ก ๆ อย่างงาน DIY หรืองานประกอบเฟอร์นิเจอร์ สว่านไฟฟ้าขนาดเล็กที่มีพลังงานแบตเตอรี่ประมาณ 9 - 10 โวลต์ ก็เพียงพอแล้วสำหรับการใช้งาน แต่ถ้าหากเป็นงานมืออาชีพ ควรเลือกใช้สว่านกระแทกที่มีพลังงานแบตเตอรี่อยู่ที่ 14 โวลต์ขึ้นไป ก็จะช่วยให้คุณประหยัดแรงและเวลาในการทำงานได้มากขึ้นครับ แต่นอกเหนือจากความเหมาะสมในการนำมาใช้งานแล้ว อย่าลืมเลือกสว่านไฟฟ้าที่หยิบจับแล้วเข้ามือคุณที่สุดด้วยนะครับ